ชาร์จพลังจินตนาการ โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่
ในยุคนี้ของเล่นมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบของเล่นให้ตรงตามเทรนด์มากขึ้น ทำให้เด็กมีทางเลือกในการเล่นที่หลากหลาย โดยเด็กมักสนใจของเล่นที่มีไฟกระพริบ เสียง หรือการเคลื่อนไหว ซึ่งล้วนถูกขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ แม้ว่าของเล่นเหล่านี้จะเพิ่มความสนุกได้ แต่ก็อาจทำให้เด็กไม่ได้ใช้ทักษะหรือปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีข้อจำกัดบางอย่างในการเลือกของเล่นที่ใช้แบตเตอรี่ด้วย
วันนี้แปลนทอยส์จึงนำประโยชน์ของของเล่นไร้แบตเตอรี่ ทั้งในด้านพัฒนาการและสิ่งแวดล้อมมาฝากกันค่ะ

เล่นอย่างสมดุล เพื่อพัฒนาการที่ดีของเด็กๆ
การเล่นของเล่นที่ใช้แบตเตอรี่และไม่ใช้แบตเตอรี่ต่างมีข้อดีและความสนุกในแบบของตัวเอง ของเล่นทั้งสองประเภทช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ได้ แต่ของเล่นไร้แบตเตอรี่จะเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้จินตนาการ ความอยากรู้อยากเห็น และทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังช่วยให้โลกยั่งยืนมากขึ้น การเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับวัยและการแบ่งเวลาการเล่นอย่างสมดุลจะเป็นสิ่งที่ดีต่อพัฒนาการของเด็กๆ ที่สุดนั่นเอง
ชวนลดขยะ สร้างโลกสีเขียว ด้วยของเล่นไร้แบตเตอรี่
ของเล่นที่ใช้แบตเตอรี่ แม้จะมอบความสะดวกให้คุณพ่อคุณแม่ และความสนุกให้เด็กๆ แต่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เพิ่มปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก เนื่องจากแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานจำกัด และหากกำจัดไม่ถูกวิธี อาจปล่อยสารพิษที่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะดินและแหล่งน้ำ แบตเตอรี่บางชนิดมีสารอันตราย เช่น ปรอท ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสมองและระบบประสาทของเด็กหากเผลอนำเข้าปากหรือเล่นอย่างไม่ระมัดระวัง การลดการเล่นของเล่นที่ต้องพึ่งแบตเตอรี่จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดปัญหานี้
สถาบันการฝึกอบรมและวิจัยแห่งสหประชาชาติ (UNITAR) รายงานว่าตั้งแต่ปี 2010 ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 62 ล้านตัน คิดเป็น 82% โดยในจำนวนนี้ 14 ล้านตันถูกฝังในหลุมฝังกลบ และ 20.4 ล้านตันมาจากอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น ของเล่นและบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2030 ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์อาจเพิ่มสูงถึง 82 ล้านตัน

พัฒนาทักษะผ่านการเล่นแบบลงมือทำเอง
เมื่อไม่มีแบตเตอรี่ เด็กๆ จะได้สนุกกับการเล่นที่พวกเขาควบคุมเอง ไม่ว่าจะเป็นการผลัก หมุน หรือสังเกตการเคลื่อนไหวของของเล่น ซึ่งเป็นการเล่นที่ช่วยให้เด็กได้พัฒนาทั้งร่างกายและสมองไปพร้อมกัน แถมยังมีส่วนร่วมมากกว่าการนั่งดูเฉยๆ อีกด้วย
การเล่นของเล่นประเภทนี้ยังช่วยพัฒนาทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก การประสานงานระหว่างมือและตา และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ การที่เด็กได้ทำให้ของเล่นขยับได้ด้วยตัวเองจะช่วยให้พวกเขารู้สึกภูมิใจและสนุกกับการเล่น ซึ่งเป็นความรู้สึกที่การกดปุ่มเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถให้ได้ การเล่นแบบลงมือทำเองเช่นนี้ยังช่วยสร้างประสบการณ์ตรงที่เชื่อมโยงเด็กๆ เข้ากับโลกจริงได้อย่างแท้จริง
กระตุ้นความคิดเชิงเหตุและผล
หนึ่งในข้อดีของของเล่นที่ไม่ใช้แบตเตอรี่ คือการเปิดโอกาสให้เด็กได้สังเกต ค้นคว้า และหาคำตอบด้วยตัวเอง แทนที่จะถูกบอกว่า "กดปุ่มนี้แล้วจะมีไฟกระพริบหรือเสียงดัง" เด็กๆ จะได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
การเล่นแบบนี้ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เด็กได้คิดว่า “ถ้าทำแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น?” ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการพัฒนาความคิด และช่วยสร้างทักษะในการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลและการตัดสินใจอีกด้วย
ของเล่นไร้แบตเตอรี่ไม่เพียงแต่ให้เด็กๆ ได้สัมผัสประสบการณ์การเล่นที่สนุกสนานและสร้างสรรค์ แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาทักษะต่างๆ อย่างเช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหา การเล่นแบบนี้ช่วยเปิดโอกาสให้เด็กได้สำรวจและค้นพบสิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การเลือกของเล่นที่ไม่มีแบตเตอรี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อพัฒนาการของเด็กและโลกของเราในอนาคต

อ้างอิง:
https://unitar.org/about/news-stories/press/global-e-waste-monitor-2024-electronic-waste-rising-five-times-faster-documented-e-waste-recycling